วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Chapter7 : Consumer Behavior 2013


สวัสดีค่ะ
กลับมาอีกครั้งค่ะเพราะช่วงนี้กำลังจะสอบMidterm ค่ะ
เหนื่อยมากกับการอ่านหนังสือ เเอบเนิดนิดๆ 

กลับมาครั้งนี้ได้ไปอ่านบนความหนึ่ง
เกี่ยวกับพฤติกรรม'หกขี้' ของผู้บริโภคปี'2013
จะได้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ลงทุน หรือเป็นช่องทางให้กับผู้ที่คิดจะสร้างธุรกิจ



พฤติกรรมหก ขี้ นี้มีอะไรบ้าง หลายท่านคงพอเดาได้
 เพราะลองย้อนไปดูตัวเราเองแล้วก็อาจจะไม่หนีไปจากนี้เท่าไร มา
เริ่มขี้ที่ 1 กันเลยดีกว่าค่ะ นั่นก็คือ “ขี้เกียจ”
คุณเคยสังเกตไหมว่าเวลาอยู่หน้าโทรทัศน์ ได้ดูโทรทัศน์หรือไม่?
หรือเวลาที่เปลี่ยนช่อง ใช้เวลาดูในแต่ละช่องที่เปลี่ยนนานเท่าไร่
นั่นแหละคือคำตอบ ผู้บริโภคในปัจจุบันเสพสิ่งที่เรียกว่า 
Multitasking คือ ผู้บริโภคเรามักจะทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน

เช่น เวลาอยู่หน้าโทรทัศน์ อาจจะดูโทรทัศน์ Chat ผ่าน Smartphone 
 เล่นเฟซบุ๊ค เล่นเกมส์ รวมถึงชอปปิง ทำธุรกรรมออนไลน์ และอื่นๆ อีกมากมาย 
 การทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้พร้อมๆ กัน จะทำให้ผู้บริโภคไม่มีเวลานิ่งเงียบนานพอที่จะกลั่นกรองความคิด 
ทำให้ผู้บริโภคมีสมาธิสั้นลง ไม่สามารถโฟกัสในสิ่งๆ หนึ่งได้ในระยะเวลานานๆ
 สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ผู้บริโภคมีความสามารถในการคิดน้อยลง 
ขาดเวลาที่แม้จะจินตนาการที่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการคิด
 เพราะฉะนั้นจึงลงเอยด้วยการ “ขี้เกียจคิด”


นอกจากนี้ผู้บริโภคจะไม่ชอบอ่านบทความอะไรที่ยาวอีกแล้ว
เวลาที่ Search หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ก็จะอ่านแบบสแกนเร็ว ๆ
 เพื่อดูว่ามีข้อมูลที่ต้องการหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ออกไปหาหน้าใหม่
 ไม่ต้องมาเสียเวลามานั่งอ่าน แบบซึมซับข้อความทีละบรรทัด


จากงานวิจัยพบว่าการใช้ Eye Tracking ซึ่งเป็นเครื่องมือใช้วัดว่าสายตา
ของผู้บริโภคสแกนสายตาไปที่จุดใด
 ซึ่งพบว่าผู้บริโภคในปัจจุบันจะอ่านตัวอักษรเพียงแค่ 18% ของหนึ่งหน้าเท่านั้น
ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของตัวอักษรหรือการใส่ข้อมูลแน่นๆ จ
ะเป็นผลเสียมากกว่า เพราะยิ่งตัวอักษรเยอะ โอกาสของผู้บริโภคที่จะอ่านบทความนั้นๆ
 ก็จะยิ่งน้อยลง เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่จะ “ขี้เกียจอ่าน”
โดยผู้บริโภคในปัจจุบัน และอนาคตชอบที่จะดูคลิปวีดิโอหรือดูเป็นภาพมากกว่าที่จะอ่าน

อีกทั้งผู้บริโภคในปัจจุบัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปไหนมาไหนอีกแล้ว
 เพราะผู้บริโภคสามารถเลือกที่จะซื้อของและทำธุรกรรมผ่าน Application ใน Smartphone
 แทนที่จะไปด้วยตัวเอง อีกไม่นานพวกเราคงเห็นผู้บริโภคไปเดินจ่ายตลาดซื้อของเข้าบ้าน
 หรือเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าตาม Shop น้อยลง เพราะ “ขี้เกียจออก” 
เพียงแค่นั่งอยู่บ้าน เลือกสินค้าที่ชอบ แล้วก็จัดส่งสินค้าไปถึงบ้าน
 หรือแม้กระทั่งจะสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศก็ทำได้ง่ายๆ
เพียงแค่ “คลิก” แม้แต่การเติบโตของธุรกิจอาหารแช่แข็ง
ปรุงสำเร็จ กึ่งปรุงสำเร็จ ก็ส่งผลดีตามไปด้วย เพราะผู้บริโภค “ขี้เกียจทำ”


แค่นั้นยังไม่พอ เทคโนโลยีในปัจจุบันยังทำหน้าที่ของมันได้ดีเกินไปจนมนุษยชนอย่างเราๆ
 แทบจะไม่ต้องคิดอะไร จึงไม่น่าแปลกว่าในอนาคตผู้บริโภคจะขาดเทคโนโลยีไม่ได้
 จนอาจจะคิดแทนมนุษย์ในทุกๆ เรื่องเลยด้วยซ้ำ เช่น รถยนต์ในปัจจุบัน เทคโนโลยีใหม่ๆ
 ทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องจอดรถเอง ไม่ต้องจำทิศทางหรือวางแผนการเดินทาง 
ไม่ต้องเบรกเอง ไม่ต้องบิดกุญแจ หรือแม้กระทั่งไม่ต้องขับเองด้วยซ้ำ 
เห็นแล้วใช่ไหมคะ ว่ามันทำให้ผู้บริโภคขี้เกียจขึ้นได้ขนาดไหน


ความขี้เกียจของผู้บริโภคเอง เป็นเหตุให้วิถีการค้าของห้างร้านจำเป็นต้องปรับตัว 
นักการตลาดต้องสร้างความสะดวก เข้าถึงง่ายและได้หลายช่องทาง
 การสื่อสารจึงต้องเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายๆ สื่อด้วยภาพหรือเรื่องราว
 และแน่นอนผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่ก็ต้องมี Innovation
 ที่ทำให้ผู้บริโภคแทบจะไม่ต้องคิด ไม่ต้องทำ
 เพราะเทรนด์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะไปในทาง Automatic อย่างแน่นอนค่ะ

♥ .•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น