ภาษาอังกฤษที่คนไทยยังเข้าใจผิดและใช้ผิดบ่อยๆ
1. ในการจ่ายเงิน คนไทยเรามักจะพูด เช็คบิลหน่อยครับ/ค่ะ คนไทยมักใช้ว่า เช็คบิล (check bill) แต่ฝรั่งจะใช้ว่า “check please” หรือ “bill please” ให้เลือกใช้เพียงคำเดียว อย่าใช้ทั้งสองคำรวมกันนะคะ
2. อาชีพหนึ่งที่หนุ่มๆ ชอบดู แต่ไม่ชอบเป็น คือ “พริตตี้ (pretty)” ซึ่ง คนไทยจะหมายถึงนางแบบตามงาน event ต่างๆ โดยเฉพาะงาน motor show ความจริงแล้วคำว่า “pretty” ในภาษาอังกฤษ เป็นได้ทั้งคำคุณศัพท์ (adjective) ที่แปลว่า น่ารัก หรือ สวยน่ามอง เช่น a pretty girl คือ เด็กผู้หญิงน่ารัก ส่วน She has a pretty face. เธอมีหน้าตาน่ารัก แต่สรุปแล้ว “พริตตี้” ที่คนไทยเรียก ผู้หญิงสวยๆ ตามงาน event นั้น ฝรั่งจะเรียกว่า “model” ที่แปลว่า “นางแบบ”ค่ะ
3. มีประโยคที่มักสับสนอีก How can you find it? เมื่อฝรั่งถามประโยคนี้แล้วคุณและอีกหลายๆท่านมักแปลว่า “คุณหา(มัน)พบได้อย่างไร?” ซึ่งมองเผินๆ ก็ไม่มีอะไรแปลก แต่จริงๆแล้วประโยคนี้จะใช้ถามต้องขึ้นอยู่กับรูปประโยคด้วย เช่น You have lived in London for 2 years, so how can you find it? ซึ่งในรูปประโยคนี้ How can you find it ? เป็นการถามว่า คุณมาอยู่ลอนดอนสองปีแล้ว 'คุณรู้สึกอย่างไรกับ London ไม่ได้แปลว่าคุณหา(มัน)พบได้อย่างไร ดังนั้นอย่าได้ตอบที่ตั้งตาแหน่งของลอนดอน หรือตอบว่ามาลอนดอนถูกได้อย่างไรเด็กขาด แต่คำตอบที่เหมาะสมควรจะตอบว่า ลอนดอนน่าอยู่มาก I find London a good place for living.ต่างหากล่ะคะ
4. อีกประโยคที่พบบ่อยมากๆ How are you going? ถ้าฝรั่งถามอย่างนี้ อย่าได้ตอบว่า I am going by bus.นะคะ เพราะ How are you going? ไม่ได้แปลว่า 'คุณไปอย่างไร' แต่ว่าเป็นการถามสารทุกข์สุกดิบ คล้ายๆ กับ How are you? คุณก็ควรตอบว่า Fine, thanks. หรือ Very well, thank you.แทนค่ะ
5. ส่วนข้อนี้ขอเน้นว่าเวลาที่ฝรั่งพูดต้องฟังให้ดี How are you doing? สบายดีไหม เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งมีความหมายเหมือนกับ How are you? และ How are you going? ส่วนคำที่มักจะสับสนคือ What are you doing? แปลว่า กำลังทำอะไรอยู่หรือ ซึ่งมีความหมายต่างกันไป แปลว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่”
จากข้อ 4 และ 5 สามารถนำมาใช้แทนประโยคที่ที่โรงเรียนในประเทศไทยมักสอนในการทักทายฝรั่งด้วยคำHow are you? ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง ฝรั่งอาจใช้ว่า How are you going? How are you doing? ซึ่งใช้แทน How are you? ได้เหมือนกัน แล้วใช้กันค่อนข้างบ่อยด้วย
6. I will telephone you later. :ฉันจะโทรกลับนะ หากเราต้องการพูด
ประโยคภาษาอังกฤษที่มีความหมายแบบนี้ ต้องพูดว่า l will call you later. (ไอ วิล คอล ยู เล เทอ) หรือ l will phone you later.
2. Don't serious: ถ้าจะพูดให้ถูกหลักไวยากรณ์ต้องพูดว่า Don’t be serious แต่คนไทยนำมาใช้ในความหมายที่ว่าอย่าเครียดไปเลย ซึ่งเจ้าของภาษาไม่ได้ใช้คำพูดในการปลอบโยนแบบนี้ แต่จะใช้คำว่า Calm down หรือ Relax ถ้าเป็นรูปประโยคจะพูดว่า lt’s no big deal.หรือ lt’s not worth being serious about.
3. Don’t be worry : เป็นประโยคที่ใช้ ในการปลอบโยนเช่นกัน แต่คนไทยมักจะเติม be ในประโยคนี้ทั้ง ๆ ที่ worry เป็นคำกริยาซึ่งไม่ต้องนำ verb to be มาช่วยแต่อย่างใด เช่น Don’t worry, you will not fail the test. แปลว่าอย่ากังวลไปเลย เธอไม่สอบตกหรอก
4. No haveแปลว่า ไม่มี : คนไทยมักจะพูดแบบตรงตัว ที่ถูกต้อง พูดว่า l don’t have. เช่น l don’t have any money. ซึ่งจะต้องนำ Verb to be เข้ามาช่วยในการสร้างประโยค พอเป็นการปฏิเสธ จึงเป็น do not หรือ don’t แล้วตามด้วยคำกริยา ช่องที่ 1
5. She have/He have แปลว่า เธอมี/เขามี : คนไทยมักพูดแบบที่ผิดหลักไวยากรณ์ในลักษณะนี้ ที่ถูกต้องนั้น คำกริยาที่ถูกต้อง คือ has เนื่องจาก She และ He เป็นประธานเอกพจน์บุรุษที่สาม ตัวอย่างประโยค เช่น She has two cars. (ชี แฮส ทู คาร์ซ) แปลว่า เธอมีรถสองคัน นี่เป็นเพียงตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษจำนวนเล็กน้อย ที่มักจะพูดผิดกัน แต่หากเรามีการเรียนรู้และฝึกฝนในสิ่งที่ถูกต้องให้เคยชิน ก็จะเกิดความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นซึ่งตรงตามคำพูดที่ว่าPractice makes perfect นะคะ